top of page
ค้นหา

10 Tactic การทำการตลาดง่ายๆที่ใช้ได้ทันที

อัปเดตเมื่อ 31 พ.ค. 2564



สวัสดีครับ วันนี้เพจแบรนด์บัดดี้ จะมาแนะนำ

"10 Tactic การทำการตลาดง่ายๆที่ใช้ได้ทันที"

ที่หลายๆธุรกิจมักนิยมใช้กัน และ เห็นก็มักจะได้ผลซะด้วยสิ

ไปดูกันเลยดีว่าว่ามีอะไรบ้าง..

ใครชอบก็อย่าลืม กดแชร์ ให้เพื่อนๆได้มาอ่านกันนะครับ

ส่วนโพสต์หน้า เรามีจะมีเทคนิคอะไรในการทำธุรกิจ ที่จะมาเล่าให้ฟังกันอีกนั้น ใครไม่อยากพลาดก็อย่าลืมกดไลค์เพจ Brand Buddy กันไว้นะครับ


Tactic ที่ 1 : Discount หรือ ลดราคา นั่นเอง

สิ่งแรกของหนีไม่พ้น "การลดราคา" นั่นเอง การลดราคาดูเหมือนจะเป็นการตลาดเบื้องต้นที่ทุกคนที่ทำการค้าจะคิดออก และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เรียกได้ว่าเป็นการตลาดที่ให้ผลรวดเร็วชัดเจนที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ถึงจะดีขนาดนี้ แต่การลดราคาก็แอบส่งผลเสียเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำไรที่ลดลง, อาจจะเสีย branding ได้ในบางครั้ง, และถ้าลดบ่อย/เยอะไป ลูกค้าอาจจะรอซื้อเฉพาะตอนลดราคาก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าคิดจะใช้ tactic ลดราคา ก็ต้องใช้แต่พอดีนะครับ

:)


Tactic ที่2: Buy & Get (ซื้อนี่ ได้นั่น)

Tactic นี้จะมีประโยชน์มากๆ เมื่อเราต้องการให้ลูกค้าที่ซื้อของเก่าอยู่ ได้ทดลองของใหม่ที่เราพึ่งออก เช่น ซื้อแชมพู ได้ครีมนวด เป็นต้น หรือไม่ก็ใช้ระบายสินค้าในสต๊อกก็ได้ เช่น buy 1 get 1 free และเรายังใช้ tactic นี้เพื่อให้ลูกค้าได้ลดราคา . โดยเราไม่ต้องเสียโอกาสในการขาย เช่น มา 2จ่าย1 อันนี้เหมือนลูกค้าได้ลด 50% แต่เราไม่ต้องเสียรายได้ไป 50% แต่เค้าต้องหาลูกค้ามาเพิ่มให้เรา ทำให้มีคนได้มีโอกาสลองใช้สินค้า/บริการของเรามากขึ้นอีกด้วย . เราต้องจำไว้ว่า ถ้าเราลด 50% เราเสียกำไรไป 50% เลยทันที แต่ถ้าเรา แถมไปอีกเท่าตัว (1แถม1) ต้นทุนที่เสียเพิ่มไปถ้าเทียบกับการลด 50% แล้ว กำไรที่จะได้จาก 1 แถม 1 ก็จะเยอะกว่าการลดราคานะครับ

;) . ถ้าบางคนยังไม่เข้าใจ เราจะขอยกตัวอย่างง่ายๆให้ดูกันนะครับ สมมติว่า เราซื้อดินสอมา 3 บาท ตั้งราคาอยู่ที่ 10 บาท กรณีที่ 1 หากเราลดราคา 50% แปลว่าเราจะขายดินสอไปแท่งละ 5 บาท ได้กำไรทั้งหมด 2 บาท กรณีที่ 2 หากเราให้เป็น 1 แถม 1 หมายคว่า เราจะขายดินสอไป 2 แท่ง ในราคา 10 บาท โดยมีต้นทุนเป็นค่าดินสอ 6 บาท แปลว่าเราได้กำไรทั้งหมด 4 บาท

เห็นมั้ยครับว่า แจกเพิ่ม ย่อมดีกว่า ลดราคา

:)


Tactic ที่ 3: Combo

จัดของที่ลูกค้าอยากได้มาก แต่กำไรน้อย กับของที่ลูกค้าอยากได้น้อยกว่าแต่กำไรเยอะ จัด set จัดชุด ก็ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่ามากขึ้น + ได้โอกาสระบายของที่ลูกค้าเฉยๆ หรือได้แนะนำสินค้าใหม่ให้ลูกค้าไปใน set ด้วย และที่สำคัญ ได้เพิ่มยอดขายแน่นอนหละคร้าบ

:)


Tactic ที่ 4: Loyalty program

ตัวอย่างที่ชัดเจนและแพร่หลายที่สุดอันนึงก็คือ สะสมแต้มชานมไข่มุก ข้อดีคือทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำกับเราตลอด กลับมาบ่อยๆ ไม่ไปซื้อคู่แข่ง เพื่อรอที่จะได้ reward ตอนสะสมครบ tactic นี้ต้องใจปล้ำนิดนึงนะครับ ของที่ให้ต้องคุ้มค่าการรอคอยของลูกค้าด้วย ถึงจะมัดใจลูกค้าได้หละครับ


Tactic ที่5: Referral program (บอกต่อเพื่อน)

Tactic นี้คือเราให้ incentive ในการบอกต่อเพื่อนให้กับลูกค้าเก่าเรา ทำให้เค้าอยากบอกต่อให้กับเพื่อนๆของเค้า เช่น ถ้าบอกต่อแล้วลูกค้ามาใช้ เค้าจะได้ voucher และเพื่อนที่มาใช้บริการใหม่ ก็อาจจะได้ voucher เช่นกัน . tactic นี้ เมืองไทยไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก แต่ที่อเมริกานี่ใช้กันเยอะมากครับ แม้แต่การเปิดบัญชี ยังมี referral program เลยหละครับ เปิดบัญชี ได้เงินฟรีเข้าบัญชี ทั้งคนแนะนำและคนถูกแนะนำหละคร้าบ


Tactic ที่ 6: the more, the cheaper (ยิ่งซื้อเยอะยิ่งถูก)

อันนี้ก็ตรงไปตรงมาครับ ถ้าลูกค้าซื้อเราเยอะ ได้ของถูกลง ก็เป็นการกระตุ้นให้เค้าซื้อของเราเยอะขึ้น และถ้าเค้าซื้อของเราเยอะขึ้น เค้าก็จะไม่ได้ใช้ของคู่แข่ง และเค้าก็ต้องใช้ของๆเรานานขึ้น ก็ได้ทั้ง ยอดขายและ market share เลยหละคร้าบ


Tactic ที่ 7: Seasonal promotion

จัดรายการพิเศษ ตามช่วงฤดูต่างๆ เช่น เสื้อกันหนาว หรืออุปกรณ์สกี สโนว์บอร์ด จะลดราคาหนักมากตอนช่วงเดือนเมษายนไปแล้ว เพราะหมดฤดูการเล่นแล้วครับ เค้าจึงลดเพื่อระบายสต๊อกสินค้าออก เพราะ hidden cost อันนึงที่คนส่วนใหญ่ลืมนึกถึงไปคือ inventory holding cost หรือค่าเก็บสต๊อกสินค้านี่แหละครับ หรือสินค้าแฟนชั่นที่กำลังจะตกเทรนด์/เปลี่ยน season ก็สามารถที่จะทำโปรโมชั่นแบบ seasonal ได้ครับ


Tactic ที่ 8: Period promotion

ทำโปรฯเป็นช่วงเวลา ก็มีให้เห็นเยอะนะครับ เช่น Happy hour เวลาคนขายเครื่องดื่ม alcohol เพราะเค้าต้องการให้คนมาดื่มแต่หัววัน จะได้อยู่กับเค้านานๆ ก็จัดโปรฯ 1แถม1 ตอน 5pm-8pm โรงหนังลดราคาวันพุธ เพราะวันพุธคนดูหนังน้อยสุด ก็กระตุ้นให้คนมาเพิ่มขึ้น เพราะโรงหนัง ไม่ว่าคนจะเต็มไม่เต็ม ก็มีต้นทุนในการฉายหนังเท่ากันอะครับ ก็ต้องพยายามทำให้เต็มมากที่สุด เช่นเดียวกับโรงแรมที่ราคาวันธรรมดาจะถูกกว่าวันเสาร์อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์อะครับ


Tactic ที่ 9: Coupons

อันนี้ก็เป็นอีกอันนึงที่ไม่ค่อยมีคนใช้ในเมืองไทยเท่าไหร่ แต่ทีอเมริกานี่แจกกันกระหน่ำมากครับ ปัจจุบันก็อาจจะให้คูปองในทางออนไลน์ เช่นเฟสบุ๊ค ไลน์แทนก็ได้ ก็จะประหยัดค่าพิมพ์คูปองลงได้อีกด้วยครับ และก็เป็นการกระตุ้นให้คนอยากมาใช้ส่วนลดพิเศษ/สิทธิพิเศษต่างๆภายในเวลาที่กำหนดครับ


Tactic สุดท้าย 10: Rebate

Rebate คือการที่ลูกค้าซื้อของไปแล้ว สามารถมาขอส่วนลดเป็น cash back ได้ สามารถทำได้ทั้ง B2B และ B2C ในเมืองไทย ไม่ค่อยมีคนใช้ rebate กับ B2C เลยครับ ส่วนใหญ่จะเป็น B2B อย่างเดียวเท่าที่ผมพอจะนึกออกนะครับ แต่จริงๆแล้วในตปท. เราซื้อของใช้บางอย่าง สามารถตัดกล่องส่งกลับไปขอ cash back ได้หละครับ นี่ก็เป็นอีกวิธีนึงที่น่าสนใจ เพราะลูกค้าได้รู้สึกว่าได้ส่วนลด แต่บางทีลูกค้าก็ขี้เกียจ/ลืมส่ง rebate กลับมาก็มีเยอะนะครับ . ถ้าเป็น B2B ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ rebate เป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อให้ถึงเป้าที่บริษัทตั้งไว้ จะได้เงินคืนเป็น % อะไรประมาณนี้ครับ


วันนี้ผมก็รวบรวม tactic ต่างๆที่ผมเคยใช้ เท่าที่จะนึกออก มาฝากเพื่อนๆ หวังว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนไม่มากก็น้อยนะครับ จริงๆแล้วนอกจากนี้ การตลาดยังมี tactic อีกมากมาย ถ้าใครเคยใช้อันไหนแล้วเด็ดๆดีๆ ก็เอามาแชร์กันไว้ในคอมเม้นต์เป็นวิทยาทานได้นะครับ

:)

OTHER SERVICES

บริการอื่นๆที่เหมาะกับคุณ

ONLINE ADS OPTIMIZATION

ยิงโฆษณาเพื่อขยายฐานลูกค้า สร้าง Brand Awareness และกระตุ้นให้เกิดยอดขายทั้งระยะสั้นและระยะยาว

Facebook / Instagram / Google / Youtube / TikTok

WEBSITE

ออกแบบเว็บไซต์โดยผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทีมงานผู้เขียน SEO ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติด Google หน้าแรกโดยไม่ต้องยิงโฆษณา

VIDEO CONTENT

เพิ่มความน่าสนใจให้กับคอนเทนต์ของคุณ ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวผ่านวิดีโอ ซึ่งถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดี

bottom of page