
ถ้าแท๊กซี่ทำการตลาด แทนการประท้วง? 4Ps x TAXI ไทย !!
ตอนนี้ที่สถานการณ์ taxi ไทยในบ้านเราเรียกได้ว่ากำลังดุเดือดเลยนะครับ แล้วถ้าแท็กซี่ใช้วิธีการทำตลาดมาแก้ปัญหาแทนวิธีการประท้วงเลิกวิ่งหรือขึ้นราคาล่ะ จะทำได้มั้ย?
ซึ่งว่าด้วยเรื่องการตลาดแล้ว ทุกคนคงต้องเคยได้ยินคำว่า 4Ps หรือ marketing mix หนึ่งในหัวใจพื้นฐานของนักการตลาดทุกคนอย่างแน่นอน...
วันนี้ผมลองเอาหัวใจพื้นฐานของการตลาดนี้แหละ ลองจับมาชนกับปัญหาแท็กซี่ไทย และดูว่าจะสามารถทำให้คนขับแท็กซี่ไทยมีรายได้ดีขึ้น รวยขึ้น กำไรมากขึ้นได้ยังไงบ้าง!!
😎💵🚕
#4PS #TAXI #BrandBuddy #Marketing

P แรก PRODUCT
ซึ่งมันสมควรอยู่อันแรกแล้วหละครับ เพราะเป็นอันที่สำคัญที่สุดในการทำการตลาดเลย ถ้า Product ดี ทุกอย่างที่เหลือก็จะง่ายขึ้น
สำหรับแท็กซี่ Product ก็คือ การบริการรับส่งจากจุด A ไปจุด B แต่ในรายละเอียดแล้วนั้น มันรวมไปถึงการบริการ มารยาทในการขับรถ มารยาทในการสนทนา สภาพ/คุณภาพรถ อุณหภูมิ แอร์ กลิ่น เพลง การไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร และประสบการณ์ทุกอย่างที่ลูกค้า (ผู้โดยสาร) ได้รับจากการใช้สินค้า (บริการ) นี้
ดังนั้นถ้าแท็กซี่ไทยอยากจะมีรายได้มากขึ้น ในเชิงการตลาดแล้ว ต้องปรับปรุงพัฒนาคุณภาพของ product ก่อนเลย ซึ่งมีพี่ๆแท็กซี่บางคนมาบอกว่าต้องขึ้นราคาก่อนถึงจะคุณภาพดี คิดแบบนี้ไม่ได้เลยนะครับ ทำไมถึงไม่ได้ มันมีเหตุผลรองรับอยู่ครับ ลองคิดเล่นๆนะครับ ถ้ามีร้านอาหาร 2ร้าน ร้านนึงอร่อย อีกร้านไม่อร่อย แล้วคนก็เลยแห่ไปกินร้านอร่อยกันหมด ร้านที่ไม่อร่อยเลยบอกว่า ต้องให้เค้าขึ้นราคา แล้วเค้าจะทำให้อร่อยเท่าอีกร้านนึง คิดว่าคนจะไปกินมั้ยครับ? สิ่งที่เค้าต้องทำคือ ทำรสชาติให้อร่อยขึ้น และถ้ามันอร่อยแล้ว คนก็จะไปกินเอง แล้วพอคนพึงพอใจในรสชาติและบริการ ถ้าร้านเค้าจะขึ้นราคา ลูกค้าก็ไม่ว่าแล้ว จริงมั้ยหละครับ ฉันใดก็ฉันนั้นครับ นี่ไม่ใช่ปัญหา ไก่กับไข่ เหมือนที่หลายๆคนพูด คุณต้องทำ product ให้ดีก่อน ราคาถึงจะตามมาได้ครับ และนี่คือตัวอย่างเดียวกับ uber ครับ ที่คนยอมจ่ายแพงกว่าให้กับ uber/grabcar ก็เพราะว่าเค้าได้สิ่งที่ดีกว่า ซึ่งสิ่งที่ดีกว่าเกิดก่อน การยอมจ่ายแพงเกิดทีหลังนะครับ สรุปอย่างแรก พัฒนา product หรือ บริการก่อนนะครับ

P ต่อมา PRICE
ราคาก็มีเทคนิคการตั้งราคาอยู่มากมาย ซึ่งผมได้เคยแนะนำไว้ในโพสก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งการตั้งราคาก็ต้องตั้งตามคุณภาพ กลุ่มลูกค้า คู่แข่ง และกฎหมายนะครับ ในกฎหมายมีกำหนดราคาแท็กซี่ไว้ชัดเจนนะครับ ปัญหาเดิมที่มีอยู่ตอนนี้คือ เรามีมิเตอร์มีราคามาตรฐานแต่แท็กซี่หลายคันไม่อยากใช้มิเตอร์ เรียกราคาเอง การที่เรามีมิเตอร์ จริงๆเป็นผลดีกับแท็กซี่อย่างมาก เพราะในทางการตลาดสินค้าทีมีราคาตายตัว จะทำให้ลูกค้ามั่นใจ สบายใจในการใช้บริการ และช่วยให้ลูกค้าอยากใช้บริการมากขึ้น ถือว่าเป็นการตลาดที่ดีด้วยซ้ำ คนต่างชาติ คนรวยคนจน ทุกคนกล้าใช้หมด เพราะรู้ชัดเจนตั้งแต่แรกว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ในการนั่งจากจุดนึงไปอีกจุดนึง ไม่ต้องต่อราคา พี่ๆแท็กซี่มีหน้าที่เพียงแค่กดมิเตอร์และคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบังคับให้ลูกค้าทิป หรือเรียกราคานะครับ เพราะการทำแบบนั้น ยิ่งเป็นการทำลาย branding ของคุณให้แย่ลงไปอีก ดังนั้นพี่ๆแท็กซี่มีหน้าที่พัฒนาคุณภาพการบริการในทุกด้าน เพื่อให้ลูกค้ายินดีที่จะจ่ายราคาที่สูงขึ้น และถ้าปชชยินดีจะจ่าย รัฐบาลก็จะยินดีขึ้นราคาให้คุณพี่แท็กซี่อย่างแน่นอนครับ

P ที่3 PLACE
ซึ่งปกติก็คือ location, channel ที่เราจะขายของๆเรา (ที่ๆลูกค้าพบกับสินค้าหรือบริการของเรา) ในกรณีของแท็กซี่ Place ก็คือคุณจะไปหาผู้โดยสารที่ไหน ถ้าคุณอยากจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ คุณก็ต้องหาช่องทางให้แตกต่างจากคนอื่น เข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าคนอื่น ใช้ประสบการณ์+การลองผิดลองถูก ไปหาจุดรับคนที่แปลกๆใหม่ๆ ที่ๆมีคนมาแชร์ลูกค้าน้อย แบบนี้คุณก็จะมีโอกาสได้ลูกค้ามากกว่าเดิม แทนที่จะไปจอดอยู่ที่เดิมๆ แล้วก็ไม่รับลูกค้า หรือเรียกราคาแพงๆ หรือพอคุณเรียกราคาแพงๆ แล้วคนกดเรียก uberมาแล้วไปหาเรื่องเค้า ซึ่งผิดทั้งกฎหมายและผิดหลักการตลาดเต็มๆ การทำการตลาดที่ดีคือ พัฒนาตัวเอง จับจุดลูกค้าให้ถูก ไม่เสียเวลาโจมตีคู่แข่ง คุณไปวิ่งรถเส้นที่คนยังวิ่งน้อย หาลูกค้าในที่ๆคนอื่นๆไม่หาหรือหาลูกค้าจากช่องทางอื่นๆใหม่ๆ ซึ่งอันนี้ต้องยอมยกนิ้วให้ grab app ว่าเข้ามาช่วยได้เยอะมาก เพราะเพิ่มโอกาส (channel)ที่ทำให้แท็กซี่ได้พบกับผู้โดยสารมากขึ้นมากทีเดียว

P สุดท้าย คือ PROMOTION
P ตัวนี้รวมถึงการสื่อสารทางการตลาดทั้งหมดนะครับ สำหรับแท็กซี่เอง ผมไม่คิดว่าจะต้องมาทำส่วนลดส่วนแถมอะไรนะครับ เพราะจริงๆถือว่าราคามิเตอร์ก็ไม่ได้สูงเกินไปอยู่แล้ว แต่อย่างใน app พอมีพวกโปรฯเหล่านี้ก็ทำให้ app ขายดีขึ้น แต่สำหรับพี่ๆแท็กซี่เอง ผมคิดว่าถ้าเราพัฒนาสินค้าบริการของเราให้ดีแล้ว เราสามารถโปรโมทสร้างแบรนด์ได้ เหมือนกับที่ นครชัย ทำแท็กซี่ที่ไม่ปฏิเสธลูกค้าใช้รถไฮโซหน่อย แล้วก็โปรโมทออกมาแบบนี้เป็นต้น ซึ่งผมคิดว่า การ PR ตรงนี้ ถ้าแท็กซี่ดีทั้งประเทศ เราสามารถ PR ระดับประเทศแบบแท็กซี่ญี่ปุ่นได้เลย ทำให้ทุกๆคนทั้ง คนไทยและต่างชาติ อยากจะใช้บริการแท็กซี่ เปลี่ยนมุมมองความคิดกับแท็กซี่ใหม่ เมื่อทุกคนอยากใช้บริการเพราะ product ดี ผมเชื่อว่าแท็กซี่ทุกคันจะมีรายได้มากขึ้นถึงแม้ไม่ไ้ด้ขึ้นราคาก็ตาม อย่าลืมว่าในการเดินทางสาธารณะแท็กซี่เป็นการเดินทางที่สบายที่สุดแล้ว ไม่ต้องเดินขึ้นบันได ไม่ต้องทนร้อน อยู่ตรงไหนก็โบกตรงนั้นขึ้นรถได้เลย และถ้ามันดีได้ระดับนั้นจริง การขึ้นราคาก็เป็นเรื่องที่จะไม่มีคนคัดค้านเลย สำคัญที่สุดสรุปใน 4Ps กับแท็กซี่ไทยนี้ ก็คือแบบแผนของการตลาดหลายๆอย่างในโลก เริ่มต้นที่ product ถ้า product ดี ที่เหลือก็จะง่ายขึ้นมาก แท็กซี่ไทย ถ้าคุณภาพและบริการดีแบบญี่ปุ่นได้ ผมเชื่อว่าพวกคุณจะมีรายได้มากกว่านี้อีกเยอะมากๆๆๆๆๆๆ เพราะเราคนไทยรักสบายอยู่แล้วครับ ถ้าแท็กซี่ดี ผมเชื่อว่ามีคนอีกมากอยากมานั่งแท็กซี่แน่นอนครับ