ในยุคดิจิทัลทุกวันนี้ ผู้บริโภคเสพสื่อในรูปแบบ Video Content มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่เป็นภาพเคลื่อนไหว ประกอบกับแสงสีเสียงที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับชม เข้าใจเนื้อหาที่จะสื่อได้ง่ายกว่าการอธิบายเป็นคำพูดหรือตัวหนังสือ โดยเห็นได้ชัดจาก Social Media หลายแพลตฟอร์มที่แข่งกันพัฒนาฟีเจอร์ตัดแต่งวิดีโอแบบใหม่ๆ ดึงดูดให้ให้คนมาเล่นมาชม จนปัจจุบันนี้จะเห็นว่าแพลตฟอร์มที่รองรับ Video Content เป็นช่องทางการทำการตลาดที่นิยมมากอีกช่องทางหนึ่งเลยก็ว่าได้
ในบทความนี้ เราจะนำเสนอเทรนด์ในการทำ Video Content 7 รูปแบบมาแรง ที่จะช่วยเพิ่มยอด Engagement ให้ขึ้นรัวๆ

1. Short-Form Videos
นาทีนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ กับรูปแบบการทำวิดีโอสั้น ที่มาแรงแซงโค้งอย่างบนแพลตฟอร์ม Tik Tok , Instagram Story , Instagram Reels ที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ธุรกิจนิยมเข้าไปทำการตลาด เนื่องจากตัว วิดีโอสั้นสามารถดึงดูดความสนใจ และทำให้ผู้บริโภคเข้าใจเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อสารได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ข้อเสีย คือด้วยระยะเวลาสั้นๆ นี้ คุณไม่สามารถใส่รายละเอียดลงไปเยอะๆ ได้ หากคุณไม่เรียบเรียงเนื้อหาให้กระชับ วางโครงเรื่องให้ดี ผู้บริโภคอาจไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณจะสื่อ

2. Review
การรีวิวบอกเล่าประสบการณ์ของลูกค้า หรือ Influencer ที่ใช้สินค้า-บริการจริง การทำเป็น Video Content สามารถเล่าเรื่องได้ดูจริงกว่า การแสดงสีหน้า อารมณ์ น้ำเสียง ช่วยเพิ่มน่าสนใจเนื้อหาที่จะสื่อ ไม่ว่าในธุรกิจขายสินค้าหรือบริการ รีวิวถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจ ว่ามีคนใช้สินค้า-บริการจริง มีข้อดี ข้อเสีย ประทับใจอย่างไร

3. การแข่งขัน หรือการร่วมชิงรางวัล
เป็นการสร้าง Video Content เพื่อโปรโมทสินค้า-บริการในรูปแบบกิจกรรมแจกรางวัล เน้นให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามามีส่วนร่วม ช่วยเพิ่ม Engagement ได้ดีมาก โดยมีการตั้งวัตถุประสงค์ไว้ เช่น กดไลก์ กดแชร์ เพจ หรือ วิดีโอกิจกรรมนั้นๆ เพื่อโอกาสในการสุ่มรางวัล ซึ่งเนื้อหาในวิดีโอควรเป็นสินค้า-บริการที่คุณขาย หรือ สิทธิพิเศษต่างๆที่นำมาเป็นรางวัล ดูล่อตาล่อใจให้น่าเข้าร่วม

4. How To
วิดีโอแบบ How To คือ วิดีโอที่แสดงวิธีการทำเป็นขั้นเป็นตอน จนถึงผลลัพธ์ขั้นสุดท้าย หากเป็นธุรกิจขายสินค้า อาจเป็นวิดีโอสาธิตการใช้งาน มีการพูดอธิบายประกอบ ให้ผู้ชมสามารถทำตามไปด้วยได้ เช่น วิดีโอ How To เสกผิวใสไร้รอย ทำได้ที่บ้าน ด้วยมาส์กสูตรเฉพาะจากคลินิกความงาม เล่าเรื่องตั้งแต่ขั้นตอนผสม ทา ล้างออกจนเห็นผลลัพธ์ เป็นต้น หากเป็นธุรกิจบริการ สามารถเล่าถึงขั้นตอนการเข้ารับบริการ ให้กลุ่มเป้าหมายเห็นภาพชัดเจนถึงตอนรับบริการ จะได้รับบริการแบบใด ใช้เครื่องมือแบบไหน มีมาตรการความปลอดภัย น่าเชื่อถือหรือไม่

5. Live Streaming
Live Streaming หรือ การถ่ายทอดสด ผ่านช่องทางอย่าง Youtube ,Facebook Live ,Instagram Live เป็นอีกหนึ่งรูปแบบหนึ่งที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จุดเด่น คือ ผู้ชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์ได้แบบเรียลไทม์ และบันทึกไว้ดูย้อนหลังได้ ควรมี Host ที่ทำหน้าที่เหมือนพิธีกร พนักงานขาย และ Entertainer ไปในตัว เพื่อดึงให้ผู้ชมดูต่อเนื่อง เหมาะกับธุรกิจขายสินค้า สามารถสร้าง Engagement และ Reach เพิ่มได้หลายเท่าตัวจากการพูดคุยระหว่าง Live และการแชร์ต่อๆ กัน

6. Vlog
มาจากคำว่า Video+Blog ส่วนใหญ่เราจะได้เห็นคอนเทนต์เกี่ยวกับการท่องเที่ยว แฟชั่น ความงาม ไลฟ์สไตล์ทั่วไปหากนำมาใช้ทางธุรกิจ คุณอาจสนับสนุนเป็นสินค้าหรือบริการให้เหล่าดารา เซเลป Influencer ที่ปัจจุบันหันมาทำ Vlog เพิ่มมากขึ้นช่วยโปรโมท หรือทำด้วยตัวเอง เริ่มจากอุปกรณ์ง่ายๆ อย่างโทรศัพท์มือถือ เช่น หากเป็นธุรกิจที่มีหน้าร้าน คอนเทนท์ของคุณอาจพาผู้ชมเดินทัวร์รอบๆ ให้เห็นที่ตั้ง บรรยากาศการตกแต่งร้าน แนะนำสินค้าไปด้วย รวมทั้งเชิญชวนให้มาเยี่ยมชม เป็นต้น

7. Educational and Online Training
วิดีโอเพื่อการฝึกทักษะ ศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเอง เช่น คอร์สเรียนออนไลน์ คลิปสอนทำขนมหรืออาหาร วิดีโอรูปแบบนี้ยิ่งเติบโตขึ้นอีก เมื่อเกิดการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสที่ทำให้ผู้คนต้องทำงานอยู่บ้าน นักเรียนต้องปรับตัวมาเรียนออนไลน์ หลายคนจึงมีเวลาว่างมากขึ้น ผู้คนที่ทำคอนเทนท์ให้ดูฟรีก็มีมาก รวมถึงช่องทางออนไลน์เข้าถึงได้ง่าย คุณอาจแบ่งปันเกร็ดความรู้เกี่ยวกับสินค้า หรือบริการที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้ชม เช่น สินค้าของคุณคือขนมหวานที่ใช้เนยแท้เป็นส่วนประกอบ Video Content ของคุณ อาจพูดเกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของการใช้เนยแท้เนยเทียม เป็นต้น นอกจากทำให้รู้จักสินค้าบริการของคุณมากขึ้น ยังช่วยให้ดูไม่เน้นขายของอย่างเดียวมากเกินไปด้วย

การเลือกรูปแบบ Video Content ที่จะทำแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ควรสอดคล้องกับแพลตฟอร์มที่จะลง วัตถุประสงค์ในการทำ พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น หากคุณไม่แน่ใจว่ารูปแบบไหนถึงจะเหมาะ ควรทดลองให้หลากหลายและดูกระแสตอบรับ เอามาปรับปรุง และอย่าลืมตั้งชื่อวิดีโอให้โดนใจ น่าคลิกเข้ามาดูด้วย