เมื่อผู้ใช้เริ่ม Search หาสินค้า หรือบริการที่สนใจ สิ่งที่ช่วยเพิ่มการมองเห็น และเข้าถึง Instagram บัญชีธุรกิจของเรา คือ keyword ที่มีความเชื่อมโยงกันของเรากับผู้ใช้ และเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้กลายมาเป็นลูกค้าของเรา
วันนี้จะมาแนะนำการตั้งค่าหน้าโปรไฟล์รวมถึงการใช้แฮชแท็ก(#) ให้ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ

1. ภาพโปรไฟล์
เป็นส่วนที่สะดุดตาที่สุดเมื่อผู้ใช้ Search เจอ และยังช่วยดึงดูดให้คลิกเข้ามาดูสินค้า และบริการของเรา โดยการเลือก Mood&tone ของภาพ ควรให้สีสัน และฟอนต์ไปในทิศทางเดียวกันกับภาพเนื้อหาด้านใน และควรใช้เป็นภาพชื่อแบรนด์ หรือโลโก้ ที่คมชัด เพื่อสร้างการจดจำให้ผู้ใช้เบื้องต้น อัตราส่วนที่แนะนำ 1:1 หรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพื่อแสดงผลได้พอดีกรอบค่ะ
ภาพที่ไม่ควรนำมาใช้ เช่น ภาพที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ภาพที่มองไม่ออกว่าคืออะไร ภาพติดลิขสิทธิ์ หรือภาพบุคคลอื่น เพื่อป้องกันผู้ใช้สับสน และดูไม่น่าเชื่อถือค่ะ

2. Name ช่องชื่อ
เป็นส่วนที่มีผลกับการ Search ของผู้ใช้ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับ Username นะคะ โดยช่องนี้จะแสดงอยู่ด้านล่างรูปโปรไฟล์ บรรทัดแรก ตัวหนังสือจะเป็นตัวหนา
ดังนั้น ควรใส่ keyword ประเภทของสินค้าที่ขาย ที่กระชับตรงตัว เข้าใจง่ายเข้าไปด้วย เมื่อมี keyword ตรงกับคำผู้ใช้ Search account ที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับคำนั้น ก็จะแสดงขึ้นมา เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าใหม่ๆ เจอเราได้ง่ายขึ้นค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น เพจขายเสื้อผ้า ชุดออกกำลังกาย นอกจากคำว่า’ชุดออกกำลังกาย’ อาจใส่คำใกล้เคียงอย่าง ชุดฟิตเนส ชุดโยคะ หรือชุดวิ่ง เพิ่มเข้าไปด้วย

3. Category และ Contact Info
Category หรือช่องระบุหมวดหมู่ มีให้เลือกหลากหลาย ควรเลือกให้ตรงกับหมวดหมู่ธุรกิจ เพราะหากเลือกหมวดหมู่ไม่ตรง ไม่มีเนื้อหาของสินค้าหรือบริการที่ชัดเจน อาจจะทำให้ผู้ใช้สับสนได้ง่ายว่าเพจนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรกันแน่
Contact Info ช่องใส่ข้อมูลการติดต่อ สามารถใส่อีเมล เบอร์โทร และที่อยู่ให้ผู้ใช้ติดต่อเราได้ง่ายขึ้น
ซึ่งทั้ง Category และ Contact Info สามารถเลือกไม่ให้แสดงบนหน้าโปรไฟล์ได้ เพื่อไว้สำหรับ Professional account บางประเภท อย่างเช่น Influencer Blogger ที่อยากให้หน้าโปรไฟล์ดูเป็น Personal account ทั่วไป ไม่ได้ขายของหรือดูเป็นธุรกิจเกินไป ก็จะเลือกซ่อน 2 อย่างนี้ได้
Website เป็นช่องที่สามารถใส่ URL เพื่อ link ไปยังหน้าเว็บไซต์ หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้ ควรใส่ URL ช่องทางติดต่อที่ผู้ใช้สามารถส่งข้อความหาได้โดยตรง เช่น LineOA, Messenger, เว็บไซต์หลัก หรือ หน้าร้านบน Marketplace อื่นๆ ไม่ควรใส่ URL ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือสุ่มเสี่ยงกับธุรกิจ เช่น URL ที่หลอกให้คนคลิก, เว็บพนัน, เว็บ18+, เว็บขายตรง หรือเพจปลอมหลอกลวงต่างๆ

4. Instagram Bio หรือช่องคำอธิบาย
สามารถใส่ข้อความ อิโมจิ หรือสัญลักษณ์พิเศษรวมกันได้สูงสุด 150 ตัวอักษร เป็นส่วนที่ใช้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แสดงเป้าหมายวิสัยทัศน์ของธุรกิจได้
ตัวอย่างข้อมูลที่แนะนำให้ใส่ในBio
รายชื่อหน้าร้านสาขา วันเวลาเปิด-ปิดบริการ
ช่องทางการติดต่อเพิ่มเติมจาก link website
Event / Promotion ที่กำลังจัดหรือกำลังจะมีขึ้นเร็วๆนี้
@หน้าเพจอื่นๆของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
วิสัยทัศน์ / เป้าหมายในการทำธุรกิจ เช่น zero waste / 100% recyclable / eco friendly / handcrafted fashion
เงื่อนไขพิเศษต่างๆ เช่น worldwide shipping / รับชำระผ่านเครดิต
# เฉพาะสำหรับธุรกิจของคุณ เช่น campaignการตลาด / รวมรีวิวจากลูกค้า
โดยภาษาและการเรียบเรียงควรคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมาย ภาพลักษณ์ของธุรกิจด้วย เช่น กลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น ควรใช้ภาษาที่ทันสมัยเข้าใจง่าย หรือธุรกิจที่อาศัยภาพลักษณ์ ควรเน้นความน่าเชื่อถือ ใช้ภาษาที่เป็นทางการขึ้น หรือใช้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด

5. การใช้ # หรือ แฮชแท็ก
เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ทำให้ผู้ใช้ใหม่ๆเข้าถึงธุรกิจของเราได้ง่ายขึ้น โดยการโพสต์แต่ละ Content ให้เพิ่มแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องหรือกำลังติดเทรนด์ลงไป สามารถใส่ได้สูงสุด 30 แฮชแท็กต่อโพสต์ หากภาพรวมดูรกตาเกินไป อาจเว้นบรรทัดซ่อนแฮชแท็กไว้ข้างล่างได้ เพื่อให้แคปชันที่ใส่ไว้อ่านสบายตาขึ้น
นอกจากนี้ จากการศึกษาของ Instagram พบว่า การใช้แฮชแท็กที่มีผู้ติดตามอย่างน้อย 1,000 คน พบว่ามีผู้ใช้งานเข้าถึงโพสต์ดังกล่าวเฉลี่ยถึง 22 ครั้ง
ข้อควรระวัง คือ การใช้แฮชแท็กที่ไม่เกี่ยวข้องมากเกินไป ก็อาจไม่เป็นผลดี เช่น ใส่แฮชแท็กเรื่องที่กำลังติดเทรนด์ลงไปหลายๆ โพสต์ติดต่อกัน เมื่อผู้ใช้ที่เข้าไปเพื่อตามข่าวสารเทรนด์นั้นจริงๆ เนื้อหาของเราจะไปบังเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลเชิงลบได้มากกว่า
