
มีหลายต่อหลายคนถามเข้ามา เรื่องการเปิดธุรกิจหรือทำกิจการส่วนตัว หรือแม้แต่การหาของมาขาย และคำถามสำคัญ คือ จะขายอะไรดี จะทำกิจการอะไรดี
วันนี้แบรนด์บัดดี้จึงมีข้อคำแนะนำดีๆ แบบสั้นๆ ให้ไปลองใช้กันมาฝากคร้าบ

มองหาความต้องการของกลุ่มลูกค้า
วิธีคิดหาธุรกิจ หรือ หาสินค้าสิ่งแรกที่ควรทำคือ เราต้องหาความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เราอยากจะขายให้ได้ซะก่อน ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเรามีตึกแถว และอยากจะเปิดกิจการอะไรซักอย่างที่ชั้น1ของตึก เราจะต้องศึกษาก่อนว่าคนแถวนั้นเค้าขาดอะไร และอยากได้อะไร หากว่าบริเวณนั้นยังไม่มีร้านอาหารเลย เราก็อาจจะเปิดร้านอาหารเพื่อมาตอบสนองความต้องการของคนแถวนั้น เป็นต้น และอีกตัวอย่างนึงที่เห็นได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือ 7-11 การจะตั้ง 7-11 แต่ละครั้ง เค้าไม่ได้ดูเพียงแค่ว่าพื้นที่ไหนมีประชากรเยอะ แต่จะดูด้วยว่าบริเวณนั้นๆร้านขายของสะดวกซื้อหรือไม่ ถ้าขาด เค้าก็เข้าไปเปิดเลยทันที ดังนั้น เราจึงเห็นว่า 7-11ขายดีอยู่เสมอ เพราะมีความต้องการเดิมของกลุ่มลูกค้าอยู่แล้ว พูดง่ายๆก็คือมีลูกค้ารอซื้อของเราตั้งแต่เรายังไม่ทันเปิดเลยก็ว่าได้

มองหาปัญหาของกลุ่มลูกค้า
อีกวิธีก็คือ เราจะต้องมองที่ปัญหา ว่าตอนนี้ใครมีปัญหาอะไรอยู่บ้าง แล้วถ้าเราสามารถคิดวิธีแก้ปัญหาออกมาได้ มันก็สามารถจะทำเป็นธุรกิจได้เช่นกันครับ ยกตัวอย่างเช่น ร้าน SOS - Sense of Style Multibrand store เค้ามองเห็นปัญหาว่าลูกค้าอยากซื้อเสื้อผ้าจากแบรนด์แฟชั่นออนไลน์ แต่มียังมีความกังวลอยู่ เพราะ ลูกค้าไม่มีโอกาสได้ลองสินค้าจริง เมื่อซื้อสินค้าไปจึงใส่ได้บ้าง ใส่ไม่ได้บ้าง ร้าน SOS มองเห็นปัญหานี้ และเข้ามาช่วยแก้ปัญหา โดยเปิดหน้าร้านขึ้นมาเป็นที่ลองชุดให้กับลูกค้า และในทางกลับกัน แบรนด์ออนไลน์ที่อยากจะมีหน้าร้านในทำเลทอง แต่ไม่สามารถจัดการค่าพื้นที่ไหว SOS ก็เป็น solution ที่ทำให้แบรนด์มีโอกาสโชว์สินค้าในราคาค่าบริการที่ถูกกว่าการเช่าเองถึงหลายเท่า แถมยังมีบริการขายของให้เสร็จสรรพอีกด้วย เรียกว่าตอบโจทย์ และแก้ปัญหาให้กับแบรนด์ SMEs ได้อย่างตรงจุด และยังได้ใจไปเต็มๆอีกด้วย หากเรามองเห็นทั้งปัญหา และวิธีแก้ไข การประสบความสำเร็จในธุรกิจก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม

คิดต่าง และทำอย่างแตกต่าง
เพราะโอกาสมักอยู่ในปัญหา และความต้องการของลูกค้าก็เป็นสิ่งสำคัญ สมัยก่อนคนส่วนใหญ่ก็ชอบทำธุรกิจที่อยู่ในปัจจัย4 คือ อาหาร เสื้อผ้า ยา ที่อยู่อาศัย เพราะมันเป็นปัจจัย4 แปลว่ามีความต้องการอย่างแน่นอน และที่ไหนที่ขาดแคลนก็เป็นปัญหาแล้ว แต่ก็เพราะมันเป็นปัจจัย4 ก็เลยทำให้มีคู่แข่งเยอะเหลือเกิน ดังนั้นในยุค 4.0 แบบนี้ จริงๆแล้วถ้าเรามองเห็นปัญหาและทางแก้ปัญหาในสิ่งอื่นๆที่คนปัจจุบันในความสำคัญได้ เราก็สามารถทำสิ่งนั้นให้เกิดเป็นธุรกิจได้ ไม่จำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในตลาดที่แข่งขันสูงเสมอไป แต่ถ้าเราอยากจะทำธุรกิจที่เป็น traditional business เช่นร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ฯลฯ เราต้องระลึกไว้เสมอว่า เราต้องคิดและทำให้แตกต่างจากคนอื่น เลิกล้มความคิดที่ว่า เฮ้ยเค้าทำอันนี้ดี งั้นชั้นจะทำแบบนี้มั่ง เค้าร้านนี้เค้าดัง ก๊อบเค้ามาทำมั่ง ถ้าเราคิดแบบนี้ทำแบบนี้ ธุรกิจของเราจะไม่มีวันรุ่งเรืองยั่งยืนเลย แต่ถ้าเราอยากจะประสบความสำเร็จ บางครั้งอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรที่ใหม่เอี่ยมไม่เคยมีในโลกมาก่อน แต่ถ้าเราจะทำตามเค้า เราต้องคิดต่อยอดจากเค้า ให้มันดีกว่าที่เค้าทำอยู่นะคร้าบบ ตัวอย่างเช่น airbnb คนทำธุรกิจที่พักอาศัย มีเยอะแยะมากมาย ทุกคนก็ปล่อยเช่าบ้าง ขายบ้าง เปิดโรงแรมบ้าง แต่ airbnb คิดต่าง เค้ากลับวางตัวเองเป็นตัวกลาง ช่วยคนโปรโมทที่พักห้องเช่าของแต่ละคน ทำให้เค้ามีห้องพักมากมายมหาศาลในมือ กลายเป็นธุรกิจอสังหาฯ ที่ไม่มีอสังหาฯเลยซักชิ้นเดียว และประสบความสำเร็จในที่สุดนั่นเอง