ถ้าพูดถึงการเขียน SEO หลายๆ คนก็คงจะนึกการเขียน Blog บนเว็บไซต์ต่างๆ โดยใช้หลักการ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับการค้นหาใน Google ใช่มั้ยล่ะคะ แต่เพื่อนๆ รู้มั้ยคะ ว่าการเขียน SEO นั้นสามารถนำไปใช้ได้ในทุกแพลตฟอร์มเลยค่ะ และในแต่ละแพลตฟอร์มนั้นก็มีวิธีการเขียนแตกต่างกันออกไป ทำให้ในปัจจุบันเทคนิคการเขียน SEO ให้เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์มนั้นมีหลายรูปแบบ
ในวันนี้ Buddy ก็เลยรวบรวมเทคนิคการเขียน SEO แต่ละแพลตฟอร์มมาให้เพื่อนๆ รับรองว่าถ้าเขียนตามนี้ เสิร์ชยังไงก็เจอเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของเราแน่นอนค่ะ 🥰
SEO คืออะไร?

ก่อนจะไปถึงเรื่องเทคนิคในการเขียน เรามาทำความรู้จักกับ SEO กันก่อนดีกว่าค่ะ “SEO” หรือ “Search Engine Optimization” คือกระบวนทาง Digital Marketing ที่ช่วยให้เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่างๆ ของเพื่อนๆ ติดหน้าแรกในการค้นหาบนหน้า Google ค่ะ และยิ่งเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของเราอยู่อันดับที่สูงเท่าไรในการค้นหา โอกาสที่คนจะเห็น คลิกเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม และทำให้เราสามารถทำยอดขายก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน หลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าการเสิร์ชใน Google นั้นได้ความนิยมน้อยลงเพราะคนหันไปเล่น Social Media อื่นๆ มากขึ้น และหลายๆ บริษัทก็เปลี่ยนไปใช้วิธี “ยิงโฆษณา” ที่ทำให้บริษัทนั้นๆ สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะสนใจในสินค้าหรือบริการของบริษัทได้ แต่ข้อแตกต่างระหว่างการเขียน SEO จนทำให้เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของเราติดอันดับต้นๆ ในการค้นหาของ Google และการยิงโฆษณานั่นก็คือ การที่มีคนเข้ามาที่เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของเรา มาจากการที่ลูกค้าสนใจที่จะค้นหาหรือซื้อสินค้าหรือบริการอยู่ก่อนแล้ว ลูกค้าจึงมาเสิร์ชหาและเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา ต่างจากการยิงโฆษณาที่ลูกค้าอาจจะเข้ามาเพียงเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราตั้งค่าเอาไว้ แต่สุดท้ายก็อาจจะไม่สามารถทำยอดได้ค่ะ

อีกทั้งการทำ SEO นั้นแตกต่างจากการยิงโฆษณาในส่วนของงบประมาณค่ะ เพราะการทำหรือเขียน SEO นั้นเราไม่จำเป็นต้องเอางบประมาณมาลงตรงส่วนนี้เลย และยอดผู้เข้าชมหรือยอดขายที่เราทำได้ก็จะเป็นยอด Organic ล้วนๆ เลยล่ะค่ะ แตกต่างจากการยิงโฆษณาตรงที่การยิงโฆษณา เราจะต้องเอางบประมาณมาลงตรงส่วนนี้เพื่อให้ลูกค้า หรือผู้เข้าชมสามารถเห็นเราโฆษณาของเราได้นั่นเองค่ะ
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าการเรียนรู้เทคนิคและเขียนออกมาในรูปแบบ SEO จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ในการทำ Digital Marketing ที่ห้ามละเลยเป็นอันขาดเลยนะคะ เพราะหากเราพลาดตรงจุดนี้ไป เราก็อาจจะพลาดโอกาสในการที่จะทำให้ลูกค้าเห็นเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มของเรา และโอกาสในการทำยอดขายและได้กำไรจากตรงนี้ไปด้วยนั่นเองค่ะ
เอาล่ะค่ะ หลังจากที่เพื่อนๆ รู้จักกับการเขียน SEO แล้ว Buddy ก็พร้อมจะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการเขียน SEO แล้วล่ะค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปลุยกันเลยค่ะ 👀
เทคนิคการเขียน SEO สำหรับแพลตฟอร์ม Google

เรามาเริ่มที่แพลตฟอร์มที่สำคัญที่สุดกันก่อนนะคะ โดยแพลตฟอร์มที่ว่านั้นก็คือแพลตฟอร์ม Google แพลตฟอร์มที่หากใครกำลังสนใจหรือค้นหาอะไรอยู่ก็จะมาเสิร์ชหาที่นี่เป็นที่แรก การเขียน SEO ให้เว็บไซต์หรือ Blog ของเราติดอันดับบนหน้าการค้นหาของ Google จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่เทคนิคการเขียน SEO สำหรับแพลตฟอร์มนี้จะมีอะไรบ้าง เราไปเริ่มกันเลยค่ะ
Keyword
อย่างแรกที่ต้องกำหนดก่อนที่จะเริ่มเขียนบทความต่างๆ บนเว็บไซต์หรือ Blog นอกจากเรื่องที่อยากเขียน ก็คือ “Keyword” นั่นเองค่ะ โดย Keyword นั้นก็คือ ‘คำ/วลีสำคัญ’ ที่เราอยากให้ผู้คนเสิร์ชเจอเว็บไซต์หรือ Blog ของเราด้วยคำหรือวลีนี้ เช่น ‘รองเท้าผ้าใบ’, ‘เสื้อยืดสีขาว’ หรือ ‘เทคนิคการเขียน SEO’ เป็นต้นค่ะ
แต่การที่จะเลือก Keyword มาใช้กับบทความเราได้ ก็ไม่ใช่ว่าจะเลือกคำที่ชอบแล้วใช้ได้เลยนะคะ Buddy แนะนำว่าเราควรจะตรวจสอบเรื่องปริมาณการค้นหาของ Keyword นี้ย้อนหลังก่อน เพื่อที่เราจะสามารถดูได้ว่าเมื่อ 1 ปีที่แล้ว Keyword นี้ถูกใช้ในการค้นหาเยอะแค่ไหน หลังจากนั้นเราถึงจะตัดสินใจว่าเราจะใช้ Keyword นั้นหรือไม่ค่ะ
โครงสร้างของบทความ
การวางโครงสร้างของบทความก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมากๆ ในการเขียนบทความ SEO เลยค่ะ เพราะการเขียนบทความ SEO นั้นมีองค์ประกอบที่ ‘จำเป็น’ ต้องมีอยู่ในโครงสร้างเยอะมาก
Meta Title - ชื่อหัวข้อของบทความที่จะปรากฏอยู่บนหน้าการค้นหา ควรกระชับ ได้ใจความ อ่านแล้วสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าบทความนี้เกี่ยวกับเรื่องอะไร
Meta Description - คำอธิบายที่ปรากฏอยู่บนหน้าการค้นหารองจาก Meta Title เป็นการสรุปเนื้อหาของบทความให้สั้นและกระชับ รวมถึงต้องมี Keyword ที่สำคัญอยู่ในนั้นด้วย
Headline (H1) - หัวข้อที่จะปรากฏอยู่บนหัวบทความที่จะมีเพียงอันเดียวเท่านั้น
Sub-Headings (H2-H6) - หัวข้อรองในบทความ
Paragraphs - เนื้อหาของบทความ โดยในหนึ่งย่อหน้าไม่ควรจะมีเนื้อหาที่ยาวเกินไปหรือมีหลายใจความสำคัญจนเกินไป และต้องกระจาย Keyword ให้อยู่ในเนื้อหาด้วย
Alt Text - ข้อความที่ซ่อนอยู่ในรูปที่อยู่ในบทความ เพื่อที่เวลามีผู้ใช้งานเสิร์ชหาในหน้ารูปภาพของ Google ก็จะสามารถค้นเจอรูปจากบทความของเราด้วย เพิ่มโอกาสที่ผู้อ่านจะเข้ามาอ่านบทความของเราได้มากขึ้น
Internal Link - เป็นลิงก์ที่ใช้สำหรับเชื่อมไปยังบทความอื่นๆ ในหน้าเว็บไซต์ของคุณ โดยคุณสามารถเลือกซ่อนลิงก์เอาไว้ในข้อความที่ตรงกับบทความที่คุณต้องการจะเชื่อมไปได้
แชร์ลงบน Social Media ต่างๆ
หลังจากที่เพื่อนๆ เขียนบทความเสร็จ Buddy ขอแนะนำว่าให้เพื่อนๆ แชร์บทความของตัวเองลงใน Social Media ต่างๆ ด้วยค่ะ เพราะถ้าหากเราจะรอให้คนมาเจอบทความของเราด้วยตัวเอง ขั้นตอนนั้นอาจจะใช้เวลานานตั้งแต่ 3-6 เดือนเลยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นแชร์บทความด้วยตัวเองเลยดีกว่า แถมยังสามารถเพิ่มยอด Engagement หรือผู้เข้าชมได้ด้วยนะคะ
เทคนิคการเขียน SEO สำหรับแพลตฟอร์ม Facebook

มาต่อที่เทคนิคการเขียน SEO สำหรับแพลตฟอร์ม Facebook กันบ้างนะคะ แต่เทคนิคการเขียนสำหรับแพลตฟอร์ม Facebook นั้นไม่ใช่การเขียนบทความแต่อย่างใดค่ะ แต่เป็นการเขียนยังไงให้เพจของเราติดอันดับการค้นหาของ Google เพราะฉะนั้นเทคนิคการเขียน SEO สำหรับเพจ Facebook นั้นก็เลยจะมีข้อแตกต่างออกไปจากเทคนิคการเขียนบทความลงบนเว็บไซต์ด้วยค่ะ
การตั้งชื่อเพจ
ชื่อเพจเป็นอย่างแรกที่เราควรนึกถึงเลยค่ะ เพราะการตั้งชื่อเพจเป็นสิ่งแรกที่จะทำให้ลูกค้าค้นหาเพจของเราเจอ และยิ่งถ้าเราใส่ Keyword ที่เกี่ยวกับของที่เราขายรวมไว้ในชื่อเพจด้วยได้ก็จะยิ่งปังเลยล่ะค่ะ เพราะนอกจากที่ลูกค้าจะหาเราเจอจากชื่อเพจแล้ว ลูกค้าอาจจะยังสามารถเจอเพจเราได้จากการเสิร์ชหาสินค้าด้วยนะคะ
การตั้ง URL
ถัดมาก็คือการตั้ง URL หรือ Username ให้กับเพจของเราค่ะ โดย URL จะปรากฏอยู่หลังเครื่องหมาย / ใน www.facebook.com/username โดยเราสามารถเลือกที่จะตั้ง URL ของเราให้สั้น กระชับ หรือตั้งตามชื่อเพจหรือชื่อแบรนด์ของเราก็ได้เช่นกันค่ะ วิธีนี้สามารถทำให้เพจของเราติดอันดับการค้นหาได้ทั้งใน Google และ Facebook เลยด้วยนะคะ
เขียนอธิบายรายละเอียดของเพจ
การเขียนอธิบายรายละเอียดของเพจลงในช่อง “About” จะยิ่งเป็นการช่วยให้คนรู้จักกับแบรนด์ของเรามากขึ้นค่ะ โดยตรงส่วนนี้เราสามารถนำเทคนิคการเขียน SEO มาใช้ได้ นั่นก็คือการอธิบายแบรนด์ของเราด้วย Keyword ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างน้อย 2-3 คำ วิธีนี้ก็จะช่วยให้คนสามารถเจอเพจของเราได้ง่ายขึ้น และมีโอกาสติดอันดับการค้นหามากขึ้นอีกด้วยค่ะ
ใส่ Keyword ลงในโพสต์
แน่นอนว่าการทำเพจก็จะต้องมีการโพสต์อัพเดตให้กับลูกค้าอยู่ตลอดๆ อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ? แต่ถ้าเราเพิ่ม Keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือแบรนด์ของเราไว้ในเนื้อหาโพสต์ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มอัตราการมองเห็นและช่วยให้คนเจอโพสต์ของเพจเราไว้ขึ้นค่ะ เพราะฉะนั้นการเลือก Keyword ที่มีการใช้ในการค้นหาเยอะๆ และเหมาะสมกับเนื้อหาของโพสต์จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากเลยล่ะค่ะ
ใช้ Hashtag อยู่บ่อยๆ
เพราะ Hashtag หรือ # เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้คนมองเห็นเพจมากขึ้นค่ะ โดยหากมีการใช้ # 1 ครั้งใน 1 โพสต์ ก็จะสามารถเพิ่มยอด Engagement ได้มากขึ้นถึง 1,800 ครั้งเลยนะคะ เพราะฉะนั้นหากมีการใช้ # หลายครั้งใน 1 โพสต์ก็จะสามารถเพิ่มยอด Engagement ได้เยอะขึ้นมาก แต่ก็ต้องระวัง ไม่ใช้ Hashtag เยอะเกินไปหรือติด # ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของโพสต์ด้วยนะคะ
เทคนิค SEO สำหรับแพลตฟอร์ม YouTube

มาต่อกันกับแพลตฟอร์มที่หลายคนอาจจะสงสัยว่า “เอ๊ะ? YouTube ต้องมีเทคนิค SEO ด้วยเหรอ?” คำตอบก็คือ “ไม่ต้องค่ะ” แต่ไม่ต้องในที่นี้ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ควรมีแต่อย่างใดนะคะ เพราะเทคนิค SEO นั้นก็สามารถช่วยให้วิดีโอของเพื่อนๆ ติดอันดับในการค้นหาได้ วันนี้ Buddy ก็เลยรวบรวมเทคนิค SEO สำหรับ YouTube มาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ ได้คลายความสงสัยกันแล้วค่ะ ไปดูกันเลย!
กำหนด Keyword หลักให้กับ VDO
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการกำหนด Keyword ให้กับวิดีโอของเราเพื่อให้คนที่ค้นหา Keyword นั้นๆ สามารถค้นเจอวิดีโอหรือช่องของเราได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ ยกตัวอย่างว่า เพื่อนๆ อยากทำ วิดีโอเกี่ยวกับการสอนทำอาหาร เพื่อนๆ ก็อาจจะตั้งชื่อวิดีโอเขียนคำอธิบายในช่อง Description หรือใส่ Tags เอาไว้ว่า “สอนทำอาหาร” เป็นต้นค่ะ
เผยแพร่วิดีโอที่มีคุณภาพสูง
การเผยแพร่วิดีโอที่มีคุณภาพและความคมชัดสูง แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่บรรดาเหล่า YouTuber จะต้องทำอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ แต่เพื่อนๆ รู้มั้ยคะ ว่าการที่เราเผยแพร่วิดีโอที่มีคุณภาพและความคมชัดสูงเนี่ยสามารถช่วยให้วิดีโอของเราติดอันดับการค้นหาได้ด้วยนะคะ
การโต้ตอบของผู้ชม
ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น การกดติดตามหรือการแชร์วิดีโอจากเหล่าผู้ชมก็ล้วนแต่มีส่วนทำให้วิดีโอของเราติดอันดับการค้นหาทั้งนั้นเลยค่ะ เพราะนี่เป็น 1 ในวิธีที่อัลกอริทึมของ YouTube ใช้ในการจัดอันดับ นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเราถึงเห็นเหล่า YouTuber พูดปิดท้ายในวิดีโอของพวกเขาอยู่บ่อยๆ ว่า “อย่าลืมกดติดตาม กดไลค์และคอมเมนต์ให้กับพวกเราด้วยนะ” นั่นก็เพื่อให้วิดีโอของพวกเขาติดอันดับการค้นหานั่นเองค่ะ
ความยาวของวิดีโอ
การควบคุมความสั้น-ยาวของวิดีโอก็มีผลต่อการจัดอันดับของ YouTube เช่นกันค่ะ เพราะจากผลสำรวจวิดีโอที่มีความยาวในระดับหนึ่งจะติดอันดับการค้นหาที่ดีกว่า โดยเฉพาะวิดีโอที่มีความยาว 20+ ขึ้นไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเลยค่ะว่าวิดีโอของเราจะยาวเกินไปหรือเปล่า เพราะยิ่งยาวเท่าไรก็ยิ่งดีค่ะ
มี CC หรือ Closed Caption
โดยปกติแล้ว ทุกวิดีโอที่ถูกอัพโหลดลง YouTube ทาง YouTube เขาจะมีคำบรรยายให้โดยอัตโนมัติ แต่คำบรรยายจาก YouTube กลับมีความถูกต้องเพียงแค่ 60-70% เท่านั้นค่ะ เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ จึงควรเพิ่มคำบรรยายของวิดีโอด้วยตัวเอง แต่อย่าลืมใส่ Keyword ลงไปในคำบรรยายด้วยนะคะ เพราะ Keyword เหล่านั้นจะช่วยให้วิดีโอของเพื่อนๆ ติดอันดับการค้นหาได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ
ตั้งปก Thumbnail ให้น่าคลิกเข้ามาดู
อีกหนึ่งสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมให้คลิกเข้ามาดูวิดีโอของเราได้ นั่นก็คือ Thumbnail นั่นเองค่ะ โดยเพื่อนๆ ควรจะตั้ง Thumbnail ที่สอดคล้องกับเนื้อหาในวิดีโอเป็นรูปที่สามารถสื่อให้คนดูเข้าใจได้ว่าวิดีโอนี้เกี่ยวกับอะไร และหากเลือก Thumbnail ได้ดี ยอดคลิกเข้าชมและยอด View ก็จะเพิ่มขึ้น ทำให้วิดีโอของเพื่อนๆ ติดอันดับการค้นหาได้เร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ
เทคนิค SEO สำหรับแพลตฟอร์ม TikTok

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด กับเทคนิค SEO สำหรับแพลตฟอร์มที่กำลังมาแรงแบบฉุดไม่อยู่อย่างแพลตฟอร์ม TikTok ที่ไม่ว่าใครๆ ก็คงรู้จัก โดยในปัจจุบัน TikTok ได้เข้ามามีผลอย่างมากทั้งในโลกของ Social Media และโลกของธุรกิจ ทำให้การจะอัพโหลดวิดีโออะไรสักอย่างลงใน TikTok นั้นจำเป็นต้องมีเทคนิค SEO เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่จะมีอะไรกันบ้าง เราไปดูกันดีกว่า 🤭
เลือก Keyword ที่บ่งบอกตัวตนของช่อง
ใช่ค่ะ อย่างแรกที่เราควรทำเลยนั่นก็คือการกำหนด Keyword ที่บอกความเป็นตัวตนของช่องและมียอดการค้นหาสูงนั่นเองค่ะ เช่น ช่องของเราสร้างมาเพื่อขายเสื้อผ้า Keyword ก็ควรจะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับเสื้อผ้า และการกำหนด Keyword ยังช่วยทำให้เราสามารถเลือกติด Hashtag ได้ง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสที่ผู้ชมจะเห็นวิดีโอของเรามากขึ้นด้วยนะคะ
อัพเดตข้อมูลหลังบ้านอยู่เสมอ
ข้อนี้เป็นเรื่องที่ Buddy รู้สึกว่าสำคัญมากๆ และเพื่อนๆ ควรหมั่นอัพเดตข้อนี้อยู่เสมอค่ะ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราควรอัพโหลดวิดีโอหรือโพสต์เนื้อหาต่างๆ เนื้อหาไหนที่คนสนใจหรือกำลังมาแรง จำนวนคนที่เข้าถึง Content ของช่องเรา จำนวนคนที่ดูวิดีโอของเราจนจบ เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์และช่วยพัฒนาช่องของเราอยู่เสมอนั่นเองค่ะ
แชร์ไปยัง Social Media อื่นๆ
หลังจากที่อัพโหลดวิดีโอหรือเนื้อหาลงใน TikTok แล้ว จะให้รอคนมาเจอวิดีโอของเราเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่ไหว เพราะฉะนั้น แชร์ไปเลยค่ะ! จะแชร์ลงกี่แพลตฟอร์มก็กดแชร์ไปเลยรัวๆ เพราะการแชร์วิดีโอของเราไปยังแพลตฟอร์มอื่นนั้นก็สามารถช่วยเพิ่มยอดการเข้าชมและยอด Engagement ให้กับวิดีโอของเราได้แล้วค่ะ
ตรวจสอบข้อห้ามของแพลตฟอร์มก่อนอัพโหลด
TikTok นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ความสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยมากๆ เลยค่ะ เพราะฉะนั้นก่อนจะอัพโหลดวิดีโอแต่ละตัว เราควรจะตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่าวิดีโอของเรานั้นไม่ได้ละเมิดข้อห้ามต่างๆ ของแพลตฟอร์ม เพราะมิฉะนั้นวิดีโอของเราก็อาจเสี่ยงถูกปิดกั้นการมองเห็นได้ โดยข้อห้ามต่างๆ ของ TikTok นั้นก็มีดังนี้ค่ะ
ความปลอดภัยและการหาประโยชน์จากผู้เยาว์ - เช่น การแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ ค้าประเวณี การแสดงพฤติกรรมลามกต่างๆ ของเยาวชนที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี การใส่ข้อมูลส่วนตัว ช่องทางการติดต่อ การทารุณกรรมหรือทำให้ผู้เยาว์กลายเป็นวัตถุทางเพศ
พฤติกรรมที่เป็นอันตราย - เนื้อหาที่แสดงให้เห็นพฤติกรรมอันตรายที่อาจนำไปสู่การบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต เช่น เครื่องมือหรือวัตถุอันตราย ปืน มีด การฆ่าตัวตาย เป็นต้น
พฤติกรรมการเปลือยกายของผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว - เนื้อหาที่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางความรุนแรงทางเพศ แสดงให้เห็นอวัยวะเพศหรือของสงวน การใช้ภาษาที่ส่อไปในทางลามกและทำให้เกิดแรงจูงใจทางเพศ
การรังแกและคุกคาม - เนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึงการดูถูกเหยียดหยามรูปร่างหน้าตา เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา หรือการถูกรังแก รวมถึงการใช้ฟีเจอร์ตอบโต้ของ TikTok (Duets) ในการทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย
พฤติกรรมที่แสดงถึงความเกลียดชัง -เนื้อหาที่เป็นวาทกรรม หรือพฤติกรรมที่สร้างความเกลียดชัง
การละเมิดลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้า - เนื้อหาที่ละเมิดหรือฝ่าฝืนลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้าหรือลิขสิทธิ์ทางปัญหาของผู้อื่น
เลือกติด Hashtag ด้วย Long-Tail Keyword
Long-Tail Keyword คือกลุ่มคำหรือวลีที่มากกว่า 2 คำขึ้นไปและเจาะจงถึงตัวช่อง แบรนด์ สินค้าหรือบริการที่เราต้องการจะขาย แต่ยอดการค้นหา Hashtag ที่ใช้ Long-Tail Keyword นั้นจะค่อนข้างต่ำกว่า Hashtag ที่ใช้เพียง Keyword สั้นๆ ในการติด Hashtag และถึงแม้ว่ายอดการค้นหา Hashtag ที่ใช้ Long-Tail Keyword นั้นอาจจะต่ำกว่าการค้นหา Hashtag ที่ใช้ Keyword สั้นๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่เสมอไปค่ะ เพราะในบาง Hashtag ที่มีการใช้คำหรือวลีที่มากกว่า 2 คำขึ้นไปก็ไม่ได้จะมียอดการค้นหาที่น้อยที่สุดเสมอไป และค่าใช้จ่ายต่อการคลิกหนึ่งครั้งก็ไม่ได้ต่ำสุดด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นการเริ่มต้นด้วยการใช้ Hashtag แบบ Long-Tail Keyword จึงเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ TikTok มือใหม่ค่ะ
อัพเดตโพสต์เก่าๆ ด้วย Keyword ที่กำลังมาแรง
ตรงข้อนี้อาจจะต้องอาศัยการอัพเดตข้อมูลอยู่เสมอค่ะ เพื่อที่เพื่อนๆ จะได้รู้ว่าตอนนี้ Keyword ไหนกำลังมาแรง หรือ Keyword ไหนที่กำลังมียอดผู้ใช้งานเยอะและสามารถนำ Keyword นั้นๆ มาเพิ่มหรืออัพเดตลงในโพสต์เก่าๆ ที่เราเคยอัพโหลดไว้ วิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการดึงดูดให้ผู้ใช้งานคนอื่นๆ เข้ามาชมเนื้อหาของช่องเรามากขึ้น ถึงแม้ว่าวิดีโอนี้เราจะเคยอัพไว้นานแล้วก็ตามนั่นเองค่ะ
ปรับเนื้อหาของช่องให้ตอบรับกับระบบอัลกอริทึมของ TikTok
เพื่อนๆ รู้มั้ยคะว่าเราสามารถปรับเนื้อหาของช่องของเราให้ตอบรับกับระบบอัลกอริทึมของ TikTok ได้ด้วยนะคะ! ไม่ว่าจะเป็นการใส่ Caption ลงในวิดีโอทั้งในส่วนของ Title และ Description, การพูด Keyword ที่เราต้องการให้วิดีโอของเราติดการค้นหาเวลามีคนเสิร์ชหา Keyword นั้นลงในวิดีโอ และการติด Hashtag ที่เกี่ยวข้องกับวิดีโอของเรา หรือ Hashtag ที่กำลังเป็นกระแสฮิตในโซเชียล วิธีเหล่านี้ก็ล้วนแต่เป็นการปรับเนื้อหาของช่องให้ตอบรับกับระบบอัลกอริทึมของ TikTok ทั้งสิ้นค่ะ
เลือกใช้ Keyword ที่มียอดการค้นหาสูง
ถึงแม้ว่าเราจะควรเลือกใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับช่อง แบรนด์ สินค้าหรือบริการของเรา แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนั่นก็คือการเลือกใช้ Keyword ที่มียอดการค้นหาสูงค่ะ นั่นก็เป็นเพราะว่า ถ้าเราเลือกใช้ Keyword ที่มียอดการค้นหาสูง ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้งานคนอื่นๆ จะสามารถมองเห็นวิดีโอของเราได้มากขึ้น รวมถึงโอกาสที่วิดีโอของเราจะติดอันดับการค้นหาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นเองค่ะ
ใส่ลิงก์ไว้ที่หน้า Profile
หลังจากที่เพื่อนๆ มีผู้ติดตามใน TikTok มากกว่า 1,000 คนขึ้นไป คราวนี้ระบบอัลกอริทึมของ TikTok ก็จะอนุมัติการใส่ลิงก์ไว้ที่หน้า Profile แล้วล่ะค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Buddy ก็ไม่แนะนำให้เพื่อนๆ ใส่ลิงก์ที่เชื่อมโยงกับเรื่องส่วนตัวของเรา ช่องทางการติดต่อส่วนตัว เพราะ TikTok เขาเคร่งครัดเรื่องนโยบายความปลอดภัยของข้อมูลเอามากๆ ถ้าใครอยากใส่ลิงก์ไว้ที่หน้า Profile แล้วล่ะก็ Buddy ก็ขอแนะนำใส่ลิงก์หน้าเว็บไซต์ ลิงก์ขายของ หรือลิงก์ตัวกลาง (All in one link) เพื่อให้ผู้ใช้งานคนอื่นๆ สามารถติดต่อกับเราได้ แต่ก็ยังคงปลอดภัยสำหรับเราอยู่ก็จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ
เทคนิค SEO เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับทุกแพลตฟอร์ม

นี่แหละค่ะ เทคนิค SEO สำหรับทุกแพลตฟอร์มที่ Buddy รวบรวมมาให้เพื่อนๆ ได้ศึกษากันในวันนี้ จากที่เห็นจากบทความ เพื่อนๆ คงพอรู้แล้วใช่มั้ยคะว่าเทคนิค SEO นั้นมีความสำคัญมากๆ ในทุกแพลตฟอร์ม เพราะฉะนั้นการศึกษาวิธีการเขียนต่างๆ ให้ดีก่อนเริ่มเขียนหรือเริ่มทำวิดีโอจึงเป็นเรื่องที่ “ควรทำ” อย่างยิ่งค่ะ เพราะยิ่งเราศึกษาเทคนิคเหล่านี้ได้อย่างถ่องแท้มากเท่าไร โอกาสที่ยอดผู้เข้าชมและแพลตฟอร์มของเราจะติดอันดับการค้นหาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น แต่เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ก็อาจจะต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้เขียนร่วมด้วย แต่ Buddy เชื่อว่าไม่มีใครที่เก่งตั้งแต่แรก แต่ถ้าเราฝึกฝนไปเรื่อยๆ เราจะต้องเก่งในเรื่องนั้นๆ แน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งยอมแพ้ หรือหากมีข้อสงสัย จะทักมาปรึกษา Buddy ก็ย่อมได้ Buddy แสตนด์บายรอค่ะ
ครั้งหน้า Buddy จะเอาเทคนิคหรือเรื่องราวอะไรมาแบ่งปัน อย่าลืมรอติดตามกันนะคะ แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ 🤍